ในการซื้อบ้านนั้นต้องมีค่าใช้จ่ายจำนวนมากที่ต้องเตรียมให้พร้อม และสิ่งสำคัญคือจำนวนเงินนั้นเป็นจำนวนที่ค่อนข้างสูง ทำให้ต้อง กู้ซื้อบ้าน กับทางธนาคารกันเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งแน่นอนว่าหลายคนย่อมตั้งความหวังไว้แล้วว่าอยากกู้ให้ผ่านเพื่อซื้อบ้านหลังแรกเป็นของตัวเอง แต่การกู้บ้านก็มีความเป็นไปได้เหมือนกันที่จะกู้ไม่ผ่าน ซึ่งผู้ยื่นกู้เองก็ต้องมีการวางแผนการเงิน และมีประวัติทางการเงินที่ค่อนข้างดีอยู่พอสมควรเพื่อโอกาสที่จะยื่นกู้ผ่านได้ง่ายขึ้น
โดยต่อไปนี้คือ 7 เทคนิคที่เราขอแนะนำเพื่อให้การกู้ซื้อบ้านผ่านได้ง่ายขึ้น
1. รู้ความสามารถในการกู้และผ่อนกับธนาคารก่อน
การกู้ซื้อบ้าน โดยส่วนใหญ่แล้วทางธนาคารจะอนุมัติในจำนวนประมาณ 60 เท่าของรายได้ หรือคิดเป็นตัวเลขได้ดังนี้ เช่น รายได้ต่อเดือน 25,000 บาทต่อเดือน x 60 เท่า = 1.5 ล้านบาท ซึ่งก็จะเป็นจำนวนเงินที่ยื่นกู้ได้นั่นเอง นอกจากความสามารถในการกู้แล้วการผ่อนก็เช่นกัน โดยความสามารถในการผ่อนต้องอยู่ที่ 30 – 40% ของรายได้ ในที่นี้คือ 25,000 x 30% หรือ 40% = 7,500 – 10,000 บาท ทั้งนี้นอกจากการกู้เงินจำนวนนี้แล้ว ต้องไม่ลืมว่ามีค่าใช้จ่ายในเรื่องอื่น ๆ ด้วย เช่น ค่าตรวจบ้าน, ค่าโอนกรรมสิทธิ์ ค่าตกแต่งบ้าน หรือค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่จำเป็น
2. เตรียมเงินดาวน์
เพื่อให้ง่ายต่อการอนุมัติของธนาคาร ผู้กู้ควรมีการเก็บเงินดาวน์เอาไว้ 10-20% ของราคาค่าบ้าน เช่น ราคาบ้าน 3 ล้าน เงินดาวน์จะอยู่ที่ราว 3 แสนบาท หากเป็นการกู้ธนาคารในส่วนนี้ด้วยแล้ว ก็จะต้องรับภาระผ่อนเพิ่มเติมจากค่าบ้านไปอีกประมาณ 10 เดือน หรือเฉลี่ยเดือนละ 30,000 บาทเลยทีเดียว ทำให้การเตรียมพร้อมทั้งเงินดาวน์ ค่าโอนกรรมสิทธิ์ จะมีโอกาสที่จะอนุมัติผ่านได้ง่ายมากขึ้นด้วย
3. เคลียร์บัญชีหนี้ให้หมดก่อน กู้ซื้อบ้าน
หลานคนที่มีการเตรียมความพร้อมเรื่องค่าใช้จ่ายส่วนต่าง ๆ และมีความพร้อมเรื่องเงินดาวน์แล้ว แต่ก็ยังไม่ได้รับอนุมัติ หนึ่งในเหตุผลอาจเป็นเพราะมีบัญชีหนี้อยู่มากจนเกินไป เนื่องจากธนาคารจะคำนวณความสามารถในการกู้และการผ่อนโดยอิงจากภาระหนี้เดิมด้วย ยิ่งมีมากโอกาสกู้ผ่านยิ่งน้อย ดังนั้นควรปิดบัญชีหนี้สินต่าง ๆ ให้เรียบร้อยก่อนยื่นกู้ซื้อบ้าน
4. ปิดบัตรเครดิตไม่จำเป็นให้มากที่สุด
การมีบัตรเครดิตในครอบครองจำนวนมากกว่า 1-2 ใบ มีผลต่อการยื่นกู้ซื้อบ้านได้เช่นกัน แนะนำว่าเมื่อวางแผน กู้บ้าน แล้วควรปิดบัตรเครดิตไม่จำเป็นออกไป หากต้องการมีพกติดตัวไว้ให้มีเพียงแค่ 1-2 ใบเท่านั้น และหากจำเป็นต้องใช้ ควรใช้เพื่อค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ในการซื้อบ้านเช่น บริการตรวจบ้าน ที่เป็นค่าใช้จ่ายที่จำเป็นในการว่าจ้างบริษัทรับตรวจบ้านเข้ามาตรวจสอบความเรียบร้อยและความปลอดภัยภายในบ้าน เป็นต้น
5. ชำระหนี้ให้ตรงเวลาเสมอ
สำหรับคนที่มีหนี้ระยะยาวเมื่อต้องทำการยื่นกู้จริง ๆ และไม่สามารถปิดหนี้ให้หมดในทันทีได้ ก็ต้องให้ความสำคัญกับการผ่อนชำระหนี้อย่างตรงเวลาอยู่เสมอ เพื่อไม่ให้ติด “แบล็กลิสต์” ซึ่งหากติดแล้วโอกาสในการยื่นกู้หรือทำธุรกรรมทางการเงินต่าง ๆ จะได้รับการพิจารณาอนุมัติได้ยากขึ้น
6. ทำรายการเดินบัญชีให้สวยอยู่เสมอ
ในการ ยื่นกู้ซื้อบ้าน ธนาคารจะต้องขอดูเอกสารประกอบการกู้เงิน โดยจะต้องมีหน้าบัญชีธนาคารย้อนหลังไม่น้อยกว่า 6 เดือน ซึ่งในช่วงระยะเวลานั้นควรจะมีเงินเข้า – ออกอย่างสม่ำเสมอ และมีเงินค้างบัญชีไว้ให้มากที่สุด โดยเฉพาะอาชีพอิสระหรือค้าขาย การมีรายรับอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอจะช่วยเพิ่มโอกาสในการพิจารณาอนุมัติวงเงินกู้ง่ายขึ้น
7. เตรียมใบรับรองการทำงาน สลิปเงินเดือน และเอกสารที่จำเป็นให้พร้อม
สิ่งที่ขาดไม่ได้ในการกู้บ้านก็คือเรื่องของการเตรียมเอกสารให้พร้อม ไม่ว่าจะเป็น สลิปเงินเดือน หน้าบัญชีย้อนหลัง ใบรับรองการทำงาน และเอกสารแสดงรายได้กรณีที่มีรายได้เสริมด้านอื่น ๆ เพื่อเพิ่มโอกาสในการได้รับอนุมัติง่ายขึ้น เนื่องจากธนาคารจะนำไปคำนวณดูว่าผู้กู้มีความพร้อมต่อการผ่อนชำระหรือไม่
สรุป
อย่างที่ได้กล่าวมาทั้งหมดว่าเมื่อต้องการ กู้ซื้อบ้าน ต้องตรวจสอบความพร้อมของตัวเองให้เรียบร้อย ว่าพร้อมรับภาระค่าใช้จ่ายในการผ่อนชำระค่างวดบ้านหรือไม่ และมีเงินออมสำหรับดาวน์บ้านในจำนวนที่เพียงพอแล้วหรือยัง ที่สำคัญคืออย่าลืมคิดถึงค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการซื้อบ้านเช่น การตรวจบ้าน การตกแต่งบ้าน ซื้อเฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้า ค่าส่วนกลาง ซึ่งถ้ามองหาบริษัทรับตรวจบ้าน ตรวจคอนโด ที่น่าเชื่อถือ เป็นมืออาชีพสามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้เลย
—